วันนี้ 24 พฤศจิกายน 2559 เวลา 9.19 น.ณ ศาลหลักเมือง จังหวัดภูเก็ต(เมืองใหม่) อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต นายโชคชัย เดชอมรธัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานประกอบพิธียกเสาเอกอาคารศาลหลักเมืองจังหวัดภูเก็ต(เมืองใหม่) โดยมีนายสนิท ศรีวิหค, นางศิวพร ฉั่วสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายถาวรวัฒน์ คงแก้ว ปลัดจังหวัดภูเก็ต วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการและประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง กิจกรรมประกอบด้วย นายโชคชัย เดชอมรธัญ ประธานในพิธีจุดธูปเทียนบวงสรวงพราหมณ์ บวงสรวงเทพเทวาจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย อาราธนาศีลประธานสงฆ์ให้ศีล ผู้ร่วมพิธีรับศีล
จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตและหัวหน้าส่วนราชการร่วมกันเจิมของมงคลประกอบด้วยไม้มงคล 9 ชนิด อิฐ นาค เงิน ทอง 9 แผ่นพลอย 9 สี คณะสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา
ประธานในพิธีและเจ้าหน้าที่ช่วยยกเสาเอกตอก ไม้มงคล 9 ชนิดวางของมงคลในก้นหลุมเสาเอก โปรยทรายเสกที่หลุมเสา เทปูนปิดและโปรยข้าวตอกดอกไม้ ประธานในพิธีถวายจตุปัจจัยไทยธรรมและปิ่นโตแด่พระสงฆ์
พระสงฆ์อนุโมทนา ประธานในพิธีและประชาชนผู้ร่วมพิธีร่วมกรวดน้ำและรับพรจากพระสงฆ์ เสร็จพิธี
สำหรับแนวคิดในการออกแบบปรับปรุงหลักเมืองจังหวัดภูเก็ต (เมืองใหม่) ผังพื้น ออกแบบให้เป็นไปตามธรรมเนียมการสร้างศาลหลักเมืองคือมีบันไดและทางเข้าออกทั้ง 4 ทิศซึ่งเรียกว่า "พรหมพักตร์"
โครงสร้างอาคารหลังใหม่สร้างครอบส่วนฐานและหลักเมืองเดิมโดยให้โครงสร้างหลุมสำหรับตั้งเสาหลักเมืองต้นใหม่สัมผัสกับยอดเสาหลักเมืองเดิมและมีระยะความลึกของหลุมตั้งเสาและความสูงของเสาหลักเมืองต้นใหม่เป็นไปตามตำราการสร้างหลักเมืองของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ทั้งนี้จากชั้นฐานของศาลหลักเมืองใหม่ได้ทำช่องมองซึ่งสามารถมองเห็นศาลหลักเมืองเดิมได้รวมทั้งช่วยระบายอากาศในห้องหลักเมืองเดิมด้านล่างได้อีกด้วย
รูปทรงอาคารเป็นอาคารจตุรมุขทางเข้าของชั้นเรือนซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาหลักเมืองต้นใหม่ทั้ง 4 ด้านทำหน้าจั่วเป็นทรงโค้งกลมคลี่คลายมาจากรูปทรงซุ้มประตูหน้าต่างของอาคารแบบชิโน- โปรตุกีสซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของภูเก็ตแต่ประดับเครื่องลำยองและหน้าบันด้วยองค์ประกอบสถาปัตยกรรมแบบไทยประเพณีช่องหน้าต่างด้านข้างมุขทางเข้า ทำเป็นห้องยอดโค้งคล้ายกัน
แต่ประดับซุ้มที่ลายปูนปั้นแบบเทศ ซึ่งเป็นลักษณะลวดลายอิทธิพลผสมผสานศิลปะแบบจีน สื่อถึงลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่นของภูเก็ตที่เกิดจากการผสมผสานของวัฒนธรรมที่หลากหลาย แต่โดยรวมยังคงสะท้อนความเป็นไทยตามลักษณะอาคารที่สร้างเพื่อวัตถุประสงค์ทางความเชื่ออย่างศาลหลักเมืองได้อย่างกลมกลืน
ชั้นยอดแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักคือ ชั้นทับเกษตรและชั้นยอดทรงกูบช้าง
ชั้นทับเกษตร แบ่งด้วยลวดรั้วบัวออกเป็น 3 ชั้น
ชั้นล่างและชั้นกลางทำมุขทั้ง 4 ด้านสื่อถึงความเป็นที่สถิตของเทพยดาที่รักษาศาลหลักเมืองและเมืองภูเก็ต ยอดส่วนบนสุดทำเป็นเพื่อนยอดที่ดัดแปลงและผสมผสานองค์ประกอบสถาปัตยกรรมทั้งแบบพุทธและแบบพราหมณ์เข้าด้วยกัน คือ ยอดทรงกูบช้าง ประดับคูหาเรือนแก้วซึ่งคลี่คลายมาจากรูปทรงระฆัง ของสถาปัตยกรรมในพุทธศาสนาอันเป็นรากฐานทางวัฒนธรรมของภาคใต้ในขณะที่มีคูหาเรือนแก้วของเทพยดาทั้ง 4 ทิศ สื่อถึงคติแบบศาสนาพราหมณ์ตามลักษณะความเป็นศาลหลักเมือง เมื่อประดับไฟแสงสว่างภายในคูหาเรือนแก้วทั้ง 4 ทิศแล้วจึงมีลักษณะคล้ายหอประภาคารอันเป็นจุดหมายตาของเรือในทะเล สื่bอถึงการเป็นศูนย์กลางทางการค้าและวัฒนธรรมของเมืองภูเก็ตมาแต่โบราณ ที่มุมชั้นยอดชั้นล่างและชั้นกลาง ทำซุ้มโคม ยอดหัวเม็ด ให้เป็นซุ้มดวงประทีปล้อกับยอดทรงกูบช้าง ชั้นบนสุดชั้นละ 4 ซุ้ม เน้นความพิจิตรและความเป็นหอประภาคารแห่งทะเลอันดามันของภูเก็ต