บทแผ่เมตตาแก่ตนเอง แผ่เมตตา หลังจากสวดมนต์ นั่งสมาธิ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เชื่อมั่นว่าพลังใจของท่านย่อมเต็มเปี่ยมด้วยบุญ เพราะได้บำเพ็ญบุญตามหลักของไตรสิกขาครบถ้วน คือ ขณะสวดมนต์ ผู้สวดมีความสำรวมกายไม่ให้คำคะนอง วาจา กล่าวแต่คำพุทธภาษิต เรียกว่า ศีล จิตใจของผู้สวดจะจดจ่อกับบทสวดไม่วอกแวก ตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียวคือ การสวดมนต์ เรียกว่า สมาธิ ผู้สวดมีความเพียรที่จะละความชั่ว มีการระลึกถึงแต่สิ่งดีงาม มีความรู้ตัวทั่วพร้อมว่าตนกำลังทำความดีอยู่ เรียกว่า ปัญญา ขอให้ท่าน ตั้งใจนำบุญนี้ไปก่อประโยชน์สุขทั้งแต่ตนเองและผู้อื่นต่อไป สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ท่านสอนว่า ขณะที่จิตของท่านเป็นสมาธิ และแผ่เมตตา ออกไปนั้น บุญกุศลที่ได้เท่ากับสร้างโบสถ์ทั้งหลัง บทแผ่เมตตา แก่ตนเอง อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข นิททุกโข โหมิ ปราศจากความทุกข์ อะเวโร โหมิ ปราศจากเวร อัพยาปัชโฌ โหมิ ปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง อะนีโฆ โหมิ ปราศจากความทุกข์กาย ทุกข์ใจ สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ มีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด |