ต้องการผู้ที่สนใจเป็นตัวแทนจำหน่ายสมุนไพรเนื้อและน้ำลูกสำรองตรา"ภูจอง" ในเขตจังหวัดภูเก็ตและพื้นที่ภาคใต้ ท่านใดสนใจเป็นตัวแทนจำหน่ายติดต่อได้ที่ คุณบุญเลิศ หมายเลขโทรศัพท์ 086-9422888       "การ”ลดความอ้วน”แบบไม่ต้องอดอาหาร       อาหารทุกวันนี้ส่วนมากล้วนให้แคลอรี่เกินความต้องการของร่างกาย แต่เมื่ออยู่ในกระเพาะของเราแล้ว แคลอรี่ที่เกินนั้นจะถูกเก็บไว้ในรูปไขมันโดยส่งไปเก็บที่พุงเป็นอันดับต้นๆจากนั้นจะกระจายไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย ส่งผลให้ผู้คนหลายคนอ้วนขึ้นโดยเฉพาะที่พุง และเมื่ออ้วนจนรู้สึกอึดอัด ร่างกายมีอาการแย่ลง เราจะเริ่มหาทางลดความอ้วน ณ จุดนี้เองที่เรากำลังเข้าสู่สงครามแห่งความอ้วน อาวุธมากมายที่ทุกคนใช้ต่อกร ทำให้เรารู้ว่าสงครามนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว ท่านที่เคยลดความอ้วนคงทราบดีว่าการสู้กับความอ้วนนั้นเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญอย่างไร เพราะทุกวันนี้มีสิ่งล่อตาล่อใจเยอะ สื่อโฆษณาและหน้าตาอาหารในทุกวันนี้ช่างเย้ายวนใจเสียยิ่งกระไร และเป็นเรื่องยากที่เราจะหลบเร้นจากสิ่งเร้าเหล่านั้น       การต่อสู้กับความอ้วนต้องสู้ศึก2ด้านคือ 1ใจอยากจะลด , 2แต่ปากอยากจะกิน ซึ่งการลดความอ้วนโดยลดการทานอาหารนั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ยากในทางปฏิบัติ ดังนั้นเราจะลดความอ้วนพร้อมกับการทานอย่างอิ่มท้องได้อย่างไร? และลดความอ้วนได้อย่างปลอดภัยต่อร่างกายได้อย่างไร? เป็นไปได้แน่นอน แผนเป็นอย่างนี้ครับ เราจะแบ่งแผนออกเป็น2ระยะ คือ       ระยะที่1: การกินเพื่อลดความอ้วน       ระยะที่2: การฝึกจิตใจในการควบคุมอาหาร       แผนระยะที่1: การกินเพื่อลดความอ้วน ในเมื่อเราระงับความอยากไม่ได้ ก็ควรอยู่กับมันเสียเลย แผนนี้ให้คุณทานได้เหมือนเดิม แต่ควรเริ่มลดลงบ้างในส่วนที่เห็นว่าลดได้ พร้อมกับหาเครื่องชั่งน้ำหนักมาไว้ชั่งน้ำหนักตัวเองด้วยจะได้รู้ว่าน้ำหนักเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง และอย่าลืมว่าเรากำลังอยู่ในแผน”ลดความอ้วน” ควรท่องไว้ในใจเสมอว่า”เราต้องลดความอ้วนให้ได้ๆๆๆๆๆ” ภาวนาทุกวันก่อนอาหารทุกมื้อได้ยิ่งดี การภาวนาซ้ำๆบ่อยๆทำให้สมองเริ่มปรับร่างกายให้สอดคล้องกับภาระกิจได้ และจุดสำคัญของแผนนี้คือนำสารอินทรีย์จากธรรมชาติ ที่ปราศจากสารเคมีใดๆ เข้ามาช่วย เป็นที่รู้กันว่าคุณสมบัติ”ลดการดูดซึมอาหาร”ของ”ลูกสำรอง”นั้นเป็นเช่นนั้นจริง เราจึงนำคุณสมบัตินี้มาประยุกต์ใช้ในการ”ลดความอ้วนอย่างปลอดภัยทั้งเด็กและผู้ใหญ่” โดยทานลูกสำรองประมาณ180cc.ก่อนทานอาหาร ซึ่ง       ถ้าคุณอ้วนน้อย หรือกำลังเริ่มอ้วนหรือต้องการควบคุมน้ำหนัก ให้ทานในมื้อเย็นมื้อเดียว       ถ้าคุณอ้วนปานกลาง ให้ทานลูกสำรองประมาณ180cc.ก่อนทานอาหาร 2มื้อ คือในมื้อเที่ยงกับมื้อเย็น       ถ้าคุณอ้วนปานมาก ให้ทานลูกสำรองประมาณ180cc.ก่อนทานอาหาร ทั้ง3มื้อ       แต่ในการทานทั้ง3มื้อควรระวังถ้าร่างกายขาดสารอาหารมากและรวดเร็วเกินไป อาจทำให้เกิดอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ดังนั้นกรณีนี้เมื่อคุณใช้ไปหลัง4เดือนแล้วควรสังเกตุตัวเองด้วยว่าเพลียมากหรือไม่ ถ้าไม่มีผลอะไรก็ใช้ไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเริ่มอ่อนเพลียให้ลดมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงทันที จากนั้นก็พักฟื้นร่างกายให้แข็งแรงสดชื่นก่อน แล้วค่อยทำตามแผนเดิมต่อไป       ความรู้เกี่ยวกับ”ลูกสำรอง”       แม้"ลูกสำรอง"จะไม่มีสารลดความอ้วนใดๆโดยตรงเลย แต่"เนื้อสำรอง"หรือที่เรียกว่ากัม(gum)นั้นเป็นสารเมือกเหนียวมีลักษณะเป็นวุ้นคล้ายเนื้อรังนก จะช่วย ลดการดูดซึมสารอาหารจากลำใส้ ทำให้ได้รับพลังงานจากอาหารน้อยลง พูดง่ายๆคือ "เราทานอิ่มแต่ร่างกายดูดซึมอาหารไปใช้น้อยลง" ถ้าพลังงานไม่พอ ร่างกายก็จะดูดจากไขมันที่สะสมไว้ในร่างกายไปใช้แทน เพื่อให้เห็นภาพผมจะพูดเป็นตัวเลขนะครับ สมมติว่าปกติอาหารที่เราทานเข้าไปทุกวันนั้นเท่ากับ100 แต่ร่ายกายเราต้องการเพียง80 ดังนั้นจึงเหลือเก็บไว้เป็นไขมันในร่างกายอีก20 แต่ถ้าหากว่าเราทาน"ลูกสำรอง"เข้าไปด้วยและลดการดูดซึมได้50 ก็เท่ากับร่างกายเราได้รับสารอาหารเพียง50 ยังขาดอีก30 จึงต้องดึงไขมันสะสมโดยเริ่มดึงที่พุงมาใช้ก่อน เพราะอยู่ใกล้ทางเดินอาหาร ทำให้พุงค่อยๆลดลงที่ละน้อยๆ ซึ่งกลไกนี้เองที่เป็นที่มาของคำว่า”ลูกพุงทลาย”ซึ่งเป็นอีกชายาของ”ลูกสำรอง” ทำให้"ลดความอ้วน"ได้นั้นเอง       เนื้อลูกสำรองหรือที่เรียกว่ากัม(gum) เป็น water soluble dietary fiber หรือ Water soluble polysaccharide ซึ่งเป็นพวกเยื่อใยที่สามารถละลายได้ในน้ำ คุณสมบัติอินทรีย์สารเหล่านี้ ทำให้นักวิชาการตั้งสมมติฐานได้ว่า สารพวกนี้เมื่อเรารับประทานเข้าไปร่างกายเราไม่สามารถย่อยได้เนื่องจากไม่มีน้ำย่อย จึงต้องถูกขับออกมา และเนื่องจากคุณสมบัติที่ลื่นคล้ายเยลลี ลื่น รวมทั้งเป็นเยื่อใยในตัวเองจึงสามารถดูดซับน้ำได้ จึงมีส่วนช่วยในการเป็นตัวระบาย หรือยาระบายได้ นอกจากนี้ยังสามารถซับหรือจับกับน้ำดี(ซึ่งน้ำดีจะเป็นตัวย่อยไขมันหรือคอเลสเตอรอลให้เล็กลงเพื่อทำให้ลำใส้เล็กดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้) เมื่อไม่มีน้ำดี หรือน้ำดีน้อยการดูดซึมของไขมันหรือคอเลสเตอรอลจึงลดลง นอกจากนี้การที่น้ำดีถูกขับออกมา ตับจึงต้องสร้างน้ำดีใหม่ ดังนั้นคอเลสเตอรอลที่อยู่ในร่างกายจึงถูกดึงนำมาใช้ผลิตน้ำดี จึงทำให้คอเลสเตอรอลลดลงได้ แต่ไม่หมด เพราะจริงๆแล้วคอเลสเตอรอลก็มีประโยชน์ต่อร่างกาย และโดยลักษณะที่เป็นวุ้นของลูกสำรอง จะไปเคลือบผิวของท่อทางเดินอาหารได้ โดยเฉพาะหากเคลือบที่ลำไส้เล็กซึ่งเป็นบริเวณที่ดูดซึมสารอาหาร จะทำให้ลำใส้เล็กดูดซึมสารอาหารได้ลดลงด้วย แม้จะยังไม่มีการวัดค่าคุณสมบัติต่างๆในเชิงลึกเพราะต้องใช้งบประมาณสูงพอสมควร แต่นักวิชาการพออนุมานคุณสมบัติของลูกสำรองได้ จากการเทียบเคียงงานวิจัยอื่นๆ ประกอบกับงานวิจัยหลายชิ้นของลูกสำรองให้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับสมมติฐานเหล่านี้ด้วย       เมื่อเรารู้ว่า”ลูกสำรอง”นั้นมีคุณสมบัติ”ลดการดูดซึมอาหาร”แน่นอนแล้ว เมื่อคุณทาน”ลูกสำรอง”ก่อนอาหาร ผลที่ตามมาคือเรามีอาหารรองท้องก่อน ทำให้การกินอาหารได้น้อยลง ซึ่งส่งผลดีในการลดความอ้วน       ในกรณีเด็กควรมีอายุราว6ขวบขึ้นไป เพราะพัฒนาการเริ่มแข็งแรงและคุยกันรู้เรื่องแล้ว ช่วงแรกเริ่มให้ทานร่วมในมื้อเย็นมื้อเดียวและให้ทานวันเว้นวัน พอชินก็ให้่ทานอาทิตย์ละ5วัน เพราะเด็กต้องการสารอาหารเพื่อไปพัฒนาการทางร่างกายและสมอง เราเพียงต้องการลดสารอาหารส่วนเกินในมื้อเย็นไม่ให้มีมากเกินไปจนทำให้น้ำหนักขึ้นเร็วไป แต่ถ้าต้องการใช้มากกว่านั้นคุณต้องมั่นสังเกตุเด็กด้วยว่ามีอาการซึมหรือไม่ ถ้ามีให้หยุดใช้ทันที และในช่วงที่เด็กไม่สบายหรือกินยาก็ควรงดใช้เช่นกันเพราะ”ลูกสำรอง”จะลดการดูดซึมของยาด้วย       ข้อยกเว้นสำหรับผู้ที่ไม่ควรทาน”ลูกสำรอง”อย่างยาวนาน(แต่ทานเป็นบางครั้งบางคราวได้)เช่น สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยที่ต้องกินยาเป็นประจำ       เมื่อผู้ที่ต้องการ”ลดความอ้วน”ด้วย”ลูกสำรอง”ทานควบคู่กับอาหารไปได้ระยะหนึ่ง ถ้าคุณทานอาหารโดยเฉลี่ยเท่าเดิม รับรองว่าน้ำหนักจะลดลงแน่นอน ยกเว้นคุณทาน”ลูกสำรอง”ปริมาณน้อยเกินไป ทำให้ลดการดูดซึมได้น้อยเช่นกัน น้ำหนักอาจไม่ลด หรือ ทรงตัว หรือ เพิ่มขึ้น ให้คุณเพิ่มปริมาณ”ลูกสำรอง”ในการทานแต่ละครั้ง แล้วมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก หรือเพิ่มการทาน”ลูกสำรอง”จนน้ำหนักเริ่มลดลง นั้นคือปริมาณพอเหมาะที่ควรใช้ในแต่ละครั้ง       บางครั้งชีวิตอาจมีมื้อหนักๆเช่นงานเลี้ยงต่างๆหรืออาหารนั้นรสเลิศจนกินไม่รู้อิ่มเสียที ให้คุณทาน”ลูกสำรอง”เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนด้วยหละครับ       แผนระยะที่2: การฝึกจิตใจในการควบคุมอาหาร เมื่อทาน”ลูกสำรอง”ไปจนน้ำหนักเริ่มลดลงแล้ว แต่อย่างไรก็ตามแต่ละคนมีความต้านการลดลงของน้ำหนักต่างกัน ควรลดน้ำหนักเป็นขั้นบันใด ไม่ควรลดกันแบบฮวบฮาบเพราะจะเกิดการสวิงกลับ(โยโย้เอฟเฟค)ได้ ควรลดในช่วงแรก3-10%ของน้ำหนักตัว แล้วให้ทำการรักษาน้ำหนักไปสัก3-4เดือนก่อน แล้วสังเกตว่าตนเองมีอาการอ่อนเพลีย วิงเวียน หน้ามืด หรือตาลาย หรือไม่ แต่โดยทั่วไปการลดลงของน้ำหนักในช่วงแรกนี้จะทำรู้สึกสบายเนื้อสบายตัว และมีอารมณ์ฮึกเหิมที่ต้องการไปต่ออย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่ดีครับการเปลี่ยนแปลงมวลร่างกายอย่างรวดเร็วไม่ใช่เรื่องปกติครับ หากนึกย้อนหลังได้จะรู้ว่าก่อนความอ้วนจะมาเยือนนั้นใช้เวลาสะสมยาวนานอยู่พอสมควร เมื่อมันค่อยๆเข้ามาสะสมก็ต้องค่อยๆเอามันออกเฉกเช่นกันครับ ร่างกายจึงจะไม่เสียสมดุลย์และปรับตัวได้ และถ้ารู้สึกสบายดีไม่เป็นอะไรแล้วก็ไปต่อแบบเป็นขั้นๆซ้ำเดิมต่อไป ในช่วงนี้ต้องใช้พลังใจที่มุ่งมั่นและวิริยะอุตสาหะอย่างมาก และอย่าลืมเพิ่มสัดส่วนผักและผลไม้ในอาหารด้วยนะครับ       ในขั้นตอนนี้จะมีการเปิดแนวรบที่เป็นการต้องสู้ทางจิตใจที่สมบรูณ์แบบยิ่งขึ้น ผู้ที่มีความมุ่งมั่น มีกำลังใจดีจะหลุดพ้นไปอยู่ในน้ำหนักปกติได้ ที่นั้นมีความสุขมากครับ ผมอดคิดไม่ได้ว่า”ชัยชนะที่สำคัญอย่างหนึ่งของมวลมนุษยชาตินั้นก็คือชัยชนะต่อสงครามความอ้วนนี้หละครับ” ถ้าคุณสามารถควบคุมมวลร่างกายตนเองได้นั้นประดุจดั่งคุณได้กุมจอกศักด์สิทธิ์และยืนอยู่เหนืออำนาจชั่วร้ายทั้งปวงเลยทีเดียว เพราะอย่าลืมว่า เมื่อความอ้วนมาเยือนและประกาศสงครามกับเราแล้ว คุณยังมีสิทธิ์จะได้ลิ้มรสคมดาบจาก”คอเลสเตอรอลในเลือดสูง”,”ความดัน”,”เบาหวาน”,โรคเส้นหลอดในสมองตีบ-แตก”,”โรคหัวใจ”ฯ ซึ่งแต่ละคมดาบจะสร้างความทุกขเวทนาต่อร่างกายและจิตใจราวกับผุดนรกบนดินให้กับคุณเลยทีเดียว มันจะกรีดตัดเฉือนวันเวลา ที่ใช้ชีวิตของคุณออกไปทุกขณะในอัตราเร่งเร็ว       ตราบใดที่ยังไม่มีเทคโนโลยีด้านอาหารที่ทำให้มนุษย์ทรงน้ำหนักร่างกายอย่างเหมาะสม เรายังต้องตลุยไปในดินแดนแห่งแคลอรี่เกินความต้องการต่อไป การทำสงครามกับความอ้วนนั้น เป็นสงครามที่ถูกบังคับให้ยืดเยือเพราะข้อจำกัดทางร่างกายของเรา เป็นสงครามที่ต้องรบแบบค่อยเป็นค่อยไป รบชนะกันแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอย่างยั่งยืนยาวนานนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ก็เป็นไปได้ ผู้ที่เลิกอ้วนได้นั้นต้องควบคุมการกินได้อย่างสมบรูณ์ ซึ่งนั้นเป็นยากนั้นทางปฏิบัติในคนส่วนมาก       ดังนั้นหากคุณต้องการอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพในการต้านทานความอ้วนอย่างสมน้ำสมเนื้อ ราคาไม่แพง ใช้ได้ในระยะยาว ปลอดภัยสูงต่อชีวิต ขอให้คุณคิดถึง"ลูกสำรองที่ปรุงคุณสมบัติให้ตรงตามงานวิจัย" อย่าเห็นแต่ว่าเป็น”ลูกสำรอง”ที่ทำขายอยู่ทั่วไป เพราะถ้ามีการผสมน้ำตาลมาเกินไปก็ทำให้คุณได้”พุงมากมาย”แทนที่จะได้”พุงทลาย” หรือการผลิตที่ไม่สะอาด หรือไม่มีมาตรฐานเพียงพอ อาจส่งผลเสียต่อร่างกายเช่นกัน เจาะจงใช้"ลูกสำรองที่ปรุงคุณสมบัติให้ตรงตามงานวิจัย"เท่านั้นนะครับ